วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตัวอย่างโฆษณาของ Nestle


NESTLE Choco Shape ร้านอาหาร


Nestle ChocoShape Drink Before Meal


Kit Kat "Happy Cow"


KIT KAT "Valentine's Day" 2013


Nestlé 'We Will Find You'


Nestlé Baby Hindi


Nestle for men - Russian AD


KIT KAT Break Banta Hai!


kitkat love birds 30





- Nescafe Blend43: "6.14AM" Outdoor Advert by Publicismojo Auckland


- Nestle Bill boards...out of the world


- Kit-kat Adverts & Commercials Archive HAND OF GOD


- Outdoor Advertising Promotions – KitKat Bench


- 2010 - Nestlé stops purchasing rainforest-destroying palm oil


- Another round of billboards in coffee wars.


- KitKat Bench Advertisement Creative outdoor advertising by Nestle. 


- Nestle - NBA All-Star Weekend - Los Angeles, CA


วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การสื่อสารการตลาดของ Nescafe


NESCAFE



         Nescafe เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือ Nestle ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำในตลาดกาแฟ  และได้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งต่อมา Nescafe ได้มีการรุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อ9ต้องการเจาะกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายในวงกว้าง และปรับเปลี่ยน Package ให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆทั้งในช่วงเวลาปกติ  และช่วงเวลาพิเศษ  ซึ่งนอกจากจะเป็นการตอกย้ำในตราผลิตภัณฑ์แล้ว  ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์และความภักดีในตราผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค เพื่อความเป็นหนึ่งของผู้นำผลิตภัณฑ์กาแฟ


         Nescafe มีรสชาติที่โดดเด่น กลมกล่อม มีรสกาแฟแท้ให้เลือกสัมผัสที่แตกต่าง ถูกพัฒนาโดยผู้ที่เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีที่สมัยใหม่ สร้างความแตกต่างให้กับตราผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เป็นคู่แข่งอยู่ในตลาดได้เป็นอย่างดี และเป็นแบรนด์ดังระดับโลกที่เป็นที่รู้จักมายาวนานNescafe ยังคงได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำของตลาดกาแฟ และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในอันดับต้นๆของโลก
         Nescafe มี Line Product ที่เข้มแข็ง สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งยังมีเครือข่ายร้านค้าจำนวนมาก ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้อย่างทั่วถึง       
     
    

การสื่อสารระหว่าง Nescafe กับ ผู้บริโภค

         Nescafe ได้ทำการสื่อสารกับผู้บริโภค โดยสร้างความตอกย้ำให้แก่ผู้บริโภคเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความภักดีต่อแบรนด์ ผ่านสื่อโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ความรู้สึกของการเริ่มมองโลกในอีกมุมมอง การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส และการเปิดรับด้านดีๆ ของชีวิตนั้น จะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่กำลังดื่มด่ำกับรสชาติของ Nescafe เพื่อนำไปสู่กลยุทธ์ที่จะกระตุ้นให้เกิดการดื่มกาแฟได้ตลอดเวลาในระหว่างวัน โดยไม่ได้เน้นว่ากาแฟจะต้องเป็นเครื่องดื่มสำหรับมื้อเช้าเท่านั้น โดยให้ความรู้สึกที่ว่า “Nescafe เป็นเพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ ที่จะช่วยให้มีความรู้สึกและพลังในด้านดีๆ ได้ในทุกช่วงเวลาและสถานการณ์ด้วย รสชาติที่ไม่เหมือนใคร 


         Nescafe  มีส่วนแบ่งในตลาดกาแฟสำเร็จรูปถึง 80 % ของมูลค่าตลาด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของ Nescafe คือกลุ่มคนทำงานออฟฟิส ซึ่งคุ้นเคยกับกาแฟผงของเนสกาแฟ และพยายามเข้าไปเจาะกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ดีกลุ่มผู้ดื่ม Nescafe กระป๋องส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มบุคคลทั่วไปหรือที่เรียกว่า กลุ่มบูลคอลลาร์




         Nescafe ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือ Nestle นั้นได้ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำในตลาดกาแฟ และได้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งต่อมา Nescafeได้มีการรุกตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ  มีการออกผลิตภัณฑ์กาแฟชนิดใหม่ๆเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคกาแฟที่หลากหลาย  มีการจัดกิจกรรมต่างๆทั้งในช่วงเวลาปกติ  และช่วงเวลาพิเศษ  อาทิเช่น  ช่วงวันวาเลนไทน์  Nescafe ได้จัดกิจกรรม Nescafe Perfect Cup Perfect Harmony  ให้ผู้บริโภคได้เข้าร่วมทำกิจกรรม  ซึ่งนอกจากจะเป็นการตอกย้ำในตราสินค้าแล้ว  ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี  ตลอดจนสร้างความภัคดีในตราสินค้าให้กับผู้บริโภคอีกด้วย และยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่Nescafe จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำความเป็นหนึ่งของผู้นำผลิตภัณฑ์กาแฟ
       


         ในปัจจุบัน  Nestle ได้ประกาศบุกตลาดกาแฟพร้อมดื่มกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อปรับกลยุทธ์ครั้งใหม่ โดยการดึงผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ Nescafe” บุกตลาดกาแฟพร้อมดื่มอย่างเต็มตัว ดำเนินการด้านการตลาดอย่างเต็มรูปแบบทั้งนี้ Nestleยังมีการปรับเปลี่ยนระบบด้านการจัดจำหน่ายและการตลาดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่มอีกด้วย โดยดำเนินงานบริหารจัดการทั้งการจัดจำหน่ายและการตลาดเอง ทั้งนี้เนื่องจากการผลิตเองย่อมเข้าใจและรับรู้ถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากกว่า และน่าจะสามารถขยายยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดได้  

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คู่แข่ง

เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ VS สิงห์ 

แข่งกันที่แบรนด์ สู้กันที่อารมณ์  



         สิงห์ถือเป็น Local Brand ที่สั่งสมตำนานมายาวนาน ข้อได้เปรียบประการสำคัญ คือ มีฐานเครือข่ายช่วยกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีเบียร์สิงห์ ลีโอ และโซดาสิงห์ 
         ขณะที่เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ก็เจาะใจคนรุ่นใหม่แบบขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคนรุ่นใหม่โสดใช้ชีวิตคนเดียว คนรุ่นใหม่ที่มีชีวิตคู่แบบทันสมัย รวมถึงวัยรุ่น  แม้ปัจจุบันจะขึ้นแท่นเป็นผู้นำในช่องทางโมเดิร์นเทรด คอนวีเนียนสโตร์ แต่เมื่อรวมทุกช่องทางจำหน่ายแล้วเนสท์เล่ยังอยู่ในตำแหน่งที่ 2-3 รองจากสิงห์ และขับเคี่ยวอย่างสูสี ผลัดกันแพ้ชนะกับคริสตัล 
         จะเห็นว่าศึกน้ำดื่มไม่ได้ไร้สีสันสีของโปรดักส์แต่อย่างใด เมื่อการแข่งขันทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง 

ถึงเวลาของ “อารมณ์” 

         ต้องบอกว่าเป็นเวลาของ Emotional โดยแท้จริงสำหรับตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดเมืองไทย น้ำดื่มตราสิงห์เคยสร้าง Motto ติดหู “น้ำดื่มสะอาด น้ำดื่มตราสิงห์” ทั้งนี้น้ำดื่มตราสิงห์พยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ 3 ปีที่ผ่านมา สิงห์ได้ปรับโลโก้น้ำดื่มให้ดูอ่อนละมุนขึ้น และเป็นการรีแบรนด์ครั้งแรกตั้งแต่ออกสู่ตลาดมา 
         ขณะที่สิงห์สื่อถึงการดูแลห่วงใยคนในครอบครัว “พ่อ-แม่-ลูก” ซึ่งเป็นการรุกจับกลุ่มครอบครัวอย่างชัดเจนก่อนเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ไม่นานผู้ตามก็คลอดแคมเปญที่สื่อสารถึงความรักความห่วงใยในครอบครัวออกมา 
         น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ได้ปลุกกระแส “หยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้แก่กัน” ผ่านทางแคมเปญโฆษณา 3 เรื่อง ที่ต้องการเพิ่ม Emotional Value ให้กับแบรนด์ โดยเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการให้น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ พร้อมกับโน้ตที่มีข้อความแสดงความรู้สึกดีๆ ซึ่งเป็นวิธีการสอดแทรกประโยชน์ของการดื่มน้ำเยอะๆ ไปกับความห่วงใยที่อยากให้คนคนนั้น ภายใต้สโลแกน “ให้ชีวิตสดใส ให้เนสท์เล่ เพียวไลฟ์”
         เนสท์เล่ เป็นแบรนด์แรกๆ ในการสร้างจุดขายที่แตกต่างจากสิงห์ ด้วยการเป็นผู้นำในตลาดด้วยการออกแพ็กเกจจิ้งขวดเพ็ท 600 มล. แต่จำหน่ายในราคาน้อยกว่าหรือเท่ากับแพ็กเกจจิ้งขนาด 500 มล. ของสิงห์ โดยหวังว่าปริมาณที่มากกว่าถึง 100 มล. มิหนำซ้ำราคายังน้อยกว่าหรือเท่ากับ น่าจะดึงส่วนแบ่งมาได้บ้าง 
หลังจากนั้นแทบทุกแบรนด์ต่างลงสนามน้ำดื่มบรรจุขวดด้วยแพ็กเกจจิ้งขวดเพ็ท 600 มล. ด้วยกันทั้งสิ้น คงเหลือให้สิงห์เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในแพ็กเกจจิ้งขวดเพ็ท 500 มล. แต่เพียงผู้เดียว 





สิงห์ 
แพ็กเกจจิ้ง 6 sku 
งบการตลาดปี 2551 60 ล้านบาท 
วิธีการบรรจุ ฆ่าเชื้อด้วยโอโซนและรังสียูวี 
แหล่งผลิต บริษัท บุญรอดเอเชียเบเวอเรซ จำกัด อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี 

เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ 
แพ็กเกจจิ้ง 3 sku 
งบการตลาดปี 2551 100 ล้านบาท 
วิธีการบรรจุ ไม่ได้แจ้งรายละเอียด เพียงแต่บอกว่าผลิตตามมาตรฐานของเนสท์เล่ เนื่องจากมั่นใจว่าแบรนด์เนสท์เล่สามารถการันตีคุณภาพได้ 
แหล่งผลิต บริษัท เปอริเอ้ วิทเทล (ประเทศไทย) จำกัด อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา 

น้ำดื่มตราสิงห์ 
แบรนด์ “น้ำดื่มตราสิงห์” อยู่ในฉลากที่มีขนาดเล็กกว่าเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ฉลากสีขาว โลโก้สิงห์สีฟ้าโปร่ง ลวดลวยพลิ้วไหวของสายน้าสื่อสารแบบตรงไปตรงมาว่าเป็นน้ำดื่ม นอกเหนือจากแหล่งผลิตแล้ว ข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไม่ได้แจ้งรายละเอียดไว้ 

เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ 
โลโก้ “เลข 8 บนแก้วน้ำ” บนฉลากไล่เฉดน้ำเงิน-ฟ้า พร้อมข้อความ โดดเด่นด้วยสีชมพู “คืนความสดชื่นทุกวัน ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว” รวมถึงข้อมูลต่างๆ แบบอัดแน่น 

เพิ่มเติม

         ที่สหรัฐฯ เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ใช้กลยุทธ์จับมือกับพันธมิตรเชนฟาสต์ฟู้ดเพื่อขยายช่องทางจำหน่าย เช่น เซ็นสัญญากับเบอร์เกอร์ คิง เป็นเวลา 5 ปี เพื่อจำหน่ายเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เพียวริไฟล์ ในร้านเบอร์เกอร์ คิง 7,000 ร้านทั่วประเทศ ซึ่งเริ่มปรับเมนูเพื่อสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้น้ำดื่มดังกล่าวนับเป็น Eco-product ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์และแพ็กเกจจิ้ง โดยใช้เม็ดพลาสติกน้อยลงกว่าเดิม 30% ทำให้ประหยัดต้นทุนและมีน้ำหนักเบาขึ้น แต่เป็นแพ็กเกจจิ้งที่แตกต่างกับในเมืองไทย 

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติของ Nestle


ประวัติโดยรวม

เนสท์เล่ (Nestle) เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทางด้านโภชนาการและสุขภาพ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1905 โดยการรวมตัวของบริษัท Anglo-Swiss Milk กับบริษัท Farine Lactee Henri Nestle มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองเวอเวย์(Vevey) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตสินค้าประเภทอาหารหลายชนิด เช่น กาแฟ เครื่องดื่มช็อกโกแลต ชา นมผง ฯลฯ มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 280,000 คน โรงงาน 449 แห่ง ใน 86ประเทศทั่วโลก

ค.ศ.1866 อองรี เนสท์เล่ (Henri Nestle) ชาวสวิส ได้ก่อตั้งบริษัท Farine Lactee Henri Nestle เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมได้ ต่อมา ค.ศ.1867 ชาร์ลส์ เพจ (Charles Page) กงสุลสหรัฐในสวิตเซอร์แลนด์ และน้องชาย จอร์จ เพจ (George Page) 2 พี่น้องชาวอเมริกัน ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Anglo-Swiss Milk ขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อผลิตและจำหน่ายชีสและอาหารสูตรสำหรับเด็ก ทั้ง 2 บริษัทกลายเป็นคู่แข่งทางการค้าที่แข่งกันขยายตลาดไปทั่วยุโรปและอเมริกา และได้ยุติการแข่งขันลงโดยทั้ง 2 บริษัทได้รวมกันเป็นบริษัทเดียวในค.ศ.1905 ภายใต้บริษัทชื่อ Nestle and Anglo-Swiss Condensed Milk บริษัทใหม่มีโรงงานอยู่ใน อเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และสเปน


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้เกิดความต้องสินค้าประเภทอาหารจำนวนมาก เนสท์เล่จึงได้เข้าไปซื้อโรงงานหลายแห่งในอเมริกา เพื่อรองรับความต้องการนมข้นหวานของประชาชนที่มาแทนที่นมสดที่กำลังหายากเกินไป ซึ่งเป็นไปตามสัญญากับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังสงครามยุติลง สินค้าประเภทนมสดกลับมาตอบสนองประชาชนได้อีกครั้ง ทำให้เนสท์เล่ที่เพิ่มกำลังการผลิตนมข้นหวานไปกว่า 2 เท่า ต้องประสบปัญหาหนี้สิน แต่ภายหลังได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินบวกกับแผนการตลาดใหม่ใน ค.ศ.1920 ที่เริ่มการผลิตสินค้าประเภทช็อกโกแลตและเครื่องดื่มชนิดผงทำให้เนสท์เล่กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าสวิตเซอร์แลนด์จะวางตัวเป็นกลางในสงคราม แต่บริษัทต่างๆก็ยังได้รับผลกระทบ รวมถึงเนสท์เล่ ผลกำไรของบริษัทตกต่ำลง เนสท์เล่ได้หันไปตั้งโรงงานในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อลดต้นทุน และในที่สุดสงครามก็ส่งผลดีกับบริษัทอีกครั้งเมื่ออเมริกาประกาศเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางการอเมริกันได้ขอให้เนสท์เล่ผลิตเสบียงสำหรับทหารที่ไปรบในสงคราม ยอดขายของบริษัทจึงกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก นำด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Nescafe (Nestle’s Coffee) ที่กลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของทหารอเมริกันในยุโรปและแปซิฟิค เนสท์เล่มียอดขายทั้งหมด 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ในสมัยนั้น)ในระหว่าง ค.ศ.1938-1945 ค.ศ.1947 Nestle and Anglo-Swiss Condensed Milk ได้เข้าซื้อบริษัท Fabrique de Produits Maggi SA (ซอสแม็กกี้) จากนั้นเปลี่ยนชื่อบริษัทของตนเองมาเป็น Nestle Alimentana SA และเพิ่มการผลิตเต็มกำลังในโรงงานที่ออสเตรเลีย ค.ศ.1977 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Nestle ดังที่เป็นในปัจจุบันนี้


สรุปประวัติของ Nestle

         อาณาจักรธุรกิจของ Nestle ไม่ได้ประกอบขึ้นด้วยกาแฟแต่เพียงลำพังเท่านั้น หากแต่บริษัท
ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก จากเมือง Vevey สวิตเซอร์แลนด์ รายนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนม, cereal, ไอศกรีม และขนมขบเคี้ยวอีกจำนวนมาก  Nestle ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดในสินค้าหมวดอาหารอย่างหลากหลาย โดยมี Nestle เป็นสินค้าธงนำอยู่ในระดับโลก ขณะที่ผลิตภัณฑ์นมทั้งในแบบนมข้นหวานและนมผงสำหรับใช้เลี้ยงทารก ก็เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคเป็นอย่างดี 
         ความเป็นมาของ Nestle เริ่มขึ้น เมื่อ Henri Nestle ซื้อโรงงานแห่งหนึ่งในเมือง Vevey เมื่อปี 1843 ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาการ ผลิตนมชนิดผงเพื่อทดแทนการเลี้ยงทารก ด้วยนมแม่ในปี 1867 และเริ่มผลิต chocolate ในปี 1905 
         การลงทุนในโรงงานผลิตนมข้นในประเทศบราซิล ระหว่างทศวรรษที่ 1920 ได้กลายเป็นข้อต่อทางธุรกิจที่สำคัญ เมื่อชาวไร่กาแฟในบราซิล แนะนำให้ Nestle พัฒนากาแฟผงสำหรับชงดื่ม โดยในปี 1938 กาแฟผงสำเร็จรูปพร้อมดื่มในชื่อ Nestle ก็ได้รับการนำเสนอออกสู่ตลาด และสามารถครองความนิยมได้อย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบัน Nestle ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ด้านกาแฟของโลกไปแล้ว 
         การรุกเพื่อครองความเป็นเจ้าในธุรกิจอาหารของ Nestle ดำเนินต่อเนื่องมาด้วยการ
ออกผลิตภัณฑ์หลากหลาย โดยในช่วงทศวรรษที่ 1970 Nestle ได้เข้าครอบกิจการของผู้ผลิตอาหาร    รายอื่นๆ ไม่เพียงเท่านั้น Nestle ยังขยายธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านเวชภัณฑ์และเครื่องสำอางด้วยการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 49% ใน Gesparal ซึ่งเป็น holding company ที่ครองสิทธิในผลิตภัณฑ์ของ Loreal บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของฝรั่งเศสด้วย
         Nestle ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของประชาชนในประเทศไทยมานานกว่า 4 ทศวรรษ โดยความคุ้นเคยของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ของ Nestle สามารถไล่เรียงตั้งแต่เมื่อแรกเกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ด้วยผลิตภัณฑ์นมผง, นมข้นหวาน และขนมขบเคี้ยวนานาชนิด รวมถึงน้ำดื่ม Pure Life ด้วย

[แก้]

กลยุทธ์ในการทำงานของ Nestle

   
         ใครที่ได้มีโอกาสขึ้นไปเยี่ยมชมชั้น 43 ของอาคาร ”ดิ ออฟฟิศ แอ็ท เซ็นทรัล เวิลด์” ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน บริษัทเนสท์เล่ (ประเทศไทย) จำกัด รับรองต้องเกิดอาการอยากกิน อยากดื่มแน่นอน เพราะละลานตาไปหมด ทั้งตู้ไอศกรีม กล่องน้ำส้ม ชั้นจัดวางนมกล่อง นมกระป๋อง กาแฟ ครีมเทียมคอฟฟี่เมท และอื่นๆ อีกมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งในห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยสติกเกอร์แสดงผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ รอบกระจกเต็มผนัง หน้าอ้างล้างมือ

 

         เป็นกลยุทธ์ง่ายๆในการสร้างสิ่งแวดล้อมการทำงานใหม่ ที่ต้องการทำให้พนักงานของบริษัทได้ซึมซับ และความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างลึกซึ้ง แน่นอนเป้าหมายสุดท้ายจะเป็นอย่างที่ ”เกรแฮม แคมพ์เบลล์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มเนสท์เล่ ประเทศไทย แถลงว่า ”เราจะต้องสร้างจิตสำนึกให้พนักงานของบริษัททุกคนต้องการทำงานอย่างมีประสิทธิมากที่สุด” 
         นอกจากการสร้างสัมผัสทางตา และการรับรู้แล้ว ในแง่ของโครงสร้างการบริหารยังมีการแบ่งหน่วยธุรกิจชัดเจน การเพิ่มหน่วยธุรกิจใหม่ ตามนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทวางตลาดเพิ่มขึ้น เมื่อองค์กรพร้อม ผลิตภัณฑ์ที่ต้องต่อสู้กับคู่แข่งก็พร้อม 
         
ณ เวลานี้ เนสท์เล่จึงมีความมั่นใจ โดยประกาศเป้าหมายว่าภายในสิ้นปีนี้ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในอันดับ 2 ของตลาด อย่างเนสท์เล่ ไอศกรีม ที่ทำตลาดในไทยมาแล้ว 9 ปี และมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 42%น้อยกว่า ”วอลล์” อยู่ไม่ถึง 2% จะต้องกลายเป็นเจ้าตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ให้ได้ ด้วยความมั่นใจจากปีที่แล้วที่ยอดจำหน่ายเนสท์เล่ ไอศกรีม เติบโตถึง 30% ขณะที่ภาพรวมของบริษัทมียอดขายเติบโตรวมเพียง 8.4% 


         ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาดที่นำมาใช้สำหรับทุกผลิตภัณฑ์ในเครือเนสท์เล่ในเวลานี้ คือ การพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งตัวสินค้าใหม่ และการออกแบบแพ็คเกจใหม่ หรือแม้กระทั่งลดขนาดแพ็คเกจให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน อย่างเช่นเมื่อต้นปี เริ่มเปิดตัวตราหมีโกลด์ ไอศกรีมเนสท์เล่ เอ็กซ์ตรีม หรือก่อนหน้านั้นได้เสนอผลิตภัณฑ์นมตราหมีบีบ 
         จุดแตกต่าง ที่”เกรแฮม แคมพ์เบลล์” ย้ำคือเนสท์เล่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ และแม้ว่าเนทส์เล่จะมีผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่ให้ทั้งความหวานและความมัน แต่ก็มีอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และใช่ว่าเนสท์เล่จะกลบข้อมูลเหล่านี้ แต่กลับแถลงให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพคนไทยที่เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ดีพอ ไม่ออกกำลังกาย รวมไปถึงมีเด็กอ้วนเพิ่มขึ้น เรียกได้ว่ากันอย่างตรงไปตรงมาที่สุด 
         วิกฤตนี้ทำให้เนสท์เล่มาตอกย้ำอีกครั้ง ใช้เป็นโอกาสแสดงจุดขายว่าเนสท์เล่มีสัญลักษณ์แห่งคุณภาพโภชนาการ (Nestle Nutritional Compass) ไม่ว่าจะเป็นเกร็ดความรู้ด้านโภชนาการ สารอาหาร วิธีการปรุงให้ได้รสอร่อยและหลากหลาย โดยจะทยอยปรากฏในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเนสท์เล่มากขึ้นเรื่อย ๆ 
         เรียกได้ว่าจริงใจซะอย่าง แล้วอย่างนี้ยอดขายจะหนีไปไหนได้... 


สถิติปี 2548 “เนสท์เล่”

- ส่งออกจากไทย 8,000 ล้านบาท 
- ยอดขายในลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม 3,000 ล้านบาท 
- ผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้ 3 กลุ่มหลัก (จากทั้งหมด 12 กลุ่ม) คือ 
1.กาแฟ และครีมเทียม 
2.นมสำหรับเด็ก 
3.นมน้ำบรรจุกระป๋อง 

ตัวอย่างแคมเปญ

เนสท์เล่ไอศกรีม ประกาศรีลอนช์แบรนด์ “เอ็กซ์ตรีม” 

ชูกลยุทธ์ “มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง” 

12 กันยายน 2551 




จากภาพ: มร.เคน โดนัลด์สัน ผู้อำนวยการบริหาร ธุรกิจไอศกรีม(กลาง) พร้อมด้วย นางสาวมณฑา คงเครือพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ธุรกิจไอศกรีม (ซ้าย) และ นางสาววิรินดา อรดีดลเชษฐ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เนสท์เล่ไอศกรีม “เอ็กซ์ตรีม” ร่วมเปิดตัวแคมเปญใหม่ “ค้นหาจังหวะความอร่อยแบบเอ็กซ์ตรีมในตัวคุณ” พร้อมปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” 

“เนสท์เล่ไอศกรีม” รีลอนช์แบรนด์ “เอ็กซ์ตรีม” หนึ่งในแบรนด์หลักสำคัญ ปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ชูกลยุทธ์ “มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง” เป็นหัวหอกในการเจาะตลาดสร้างแนวร่วมในกลุ่มวัยมันส์ เชื่อมโยงและสร้างความผูกพันผ่านไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเป้าหมายด้วยเสียง ดนตรี พร้อมทุ่มงบการตลาดเบื้องต้นกว่า 40 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “ค้นหาจังหวะความอร่อยแบบเอ็กซ์ตรีมในตัวคุณ” คาดเพิ่มยอดขายให้กับเนสท์เล่ไอศกรีมได้กว่า 50% 

นางสาวมณฑา คงเครือพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ธุรกิจไอศกรีม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวถึงการบุกตลาดไอศกรีมกลุ่มวัยรุ่นวัยมันส์ ด้วยการรีลอนช์แบรนด์เอ็กซ์ตรีมในครั้งนี้ว่า“เนื่องจากเทรนด์ของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่ต้องการ ความแปลกใหม่และมีไลฟ์สไตล์ที่ท้าทาย ไม่หยุดนิ่ง เนสท์เล่ไอศกรีมจึงได้วางตำแหน่งทางการตลาดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” หนึ่งในแบรนด์หลักสำหรับตลาดกลุ่มวัยรุ่น ด้วยการรีลอนช์แบรนด์ “เอ็กซ์ตรีม” ที่ได้รับการปรับโฉมเสริมภาพลักษณ์ใหม่ให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายให้มาก ที่สุด โดยการเชื่อมโยงและสร้างความผูกพันด้วยการดึงดนตรีมาเป็นสื่อกลางในการสื่อสารในครั้งนี้ พร้อมนำ กลยุทธ์ “มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง” เป็นหัวหอกในการบุกตลาดผ่านแคมเปญ “ค้นหาจังหวะความอร่อยแบบเอ็กซ์ตรีมในตัวคุณ” ซึ่งเราเชื่อว่าดนตรีสามารถระเบิดความสุขและความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดอย่าง ”เอ็กซ์ตรีม” ได้ พร้อมทุ่มงบการตลาดเบื้องต้นกว่า 40 ล้านบาทสำหรับการรีลอนช์แบรนด์ในครั้งนี้” 

เนสท์เล่ไอศกรีมได้ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์แบรนด์ “เอ็กซ์ตรีม” ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยสร้างจุดเด่นของไอศกรีมเนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” ที่รสชาติ ด้วยซอสที่ชุ่มฉ่ำ เข้มข้น ในเนื้อไอศกรีม สร้างประสบการณ์ความอร่อยตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย ตลอดจนท้อปปิ้งที่ถูกปากคนไทยชวนให้ลิ้มลอง โดยที่ยังคงคุณภาพของรสชาติหลัก คือ รสช็อกโกแลต, รสวานิลลา และรส สตอรเบอร์รี่ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคในด้านของความกลมกล่อมและเนียนนุ่มของเนื้อไอศกรีม พร้อมกันนี้ยังได้ปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ ให้มีความทันสมัย สีสันสดใสสะดุดตา และสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ “ดนตรี” อีกด้วย 

นางสาวมณฑา ยังได้กล่าวถึงรายละเอียดกิจกรรมทางการตลาดเต็มรูปแบบของแคมเปญ “ค้นหาจังหวะความอร่อยแบบเอ็กซ์ตรีมในตัวคุณ” ว่า “นอกเหนือจากการพัฒนาและปรับปรุงด้านรสชาติและบรรจุภัณฑ์แล้ว เนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” ยังได้เตรียมโปรโมชั่นทางการตลาด เพื่อส่งเสริมแคมเปญในครั้งนี้ด้วยโปรโมชั่นใหม่ “พลิกใต้ฝา มีรางวัลทุกโคน” โดยรางวัลที่ 1 โทรศัพท์มือถือซัมซุงรุ่นใหม่ล่าสุด L700 ที่ให้ผู้บริโภคได้สนุกกับการฟังเพลงผ่านมือถือ เมื่อซื้อเนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” รสใดก็ได้จาก 5 รสชาติ ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2551 นอกจากนี้ การสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายจะใช้การจัดมินิคอนเสิร์ตเปิดตัวสินค้าทั่วทุกภาคร่วมกับวง Tattoo Colour วงดังขวัญใจวัยรุ่น ที่จะช่วยสร้างการจดจำตราสินค้าและเป็นตัวเชื่อมเนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” เข้าสู่ไลฟ์สไตล์สร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างแบรนด์เนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” กับกลุ่มเป้าหมายของเรา ส่วนสื่อที่ใช้ ณ จุดขายนั้น เนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” ได้มีการสร้างสีสันและดึงดูดความสนใจด้วยการเปลี่ยนโฉมตู้ไอศกรีมให้กลาย เป็นตู้เพลงความอร่อย ส่วนกิจกรรมต่อเนื่องภายใต้แนวคิดไลฟ์สไตล์ด้านดนตรีนั้น จะผ่านการประกวดแต่ง จิงเกิ้ลเพลง “เอ็กซ์ตรีม” ในกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเราในช่วงต้นปีหน้า” 

“เนสท์เล่ไอศกรีมมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความสุขและสร้างประสบการณ์ความอร่อย ให้กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายผู้ซึ่งมีจังหวะดนตรีในหัวใจทุกคนได้ร่วม “ค้นหาจังหวะความอร่อยแบบเอ็กซ์ตรีมในตัวคุณ” เราคาดหวังว่าผู้บริโภค ซึ่งรวมทั้งกลุ่มวัยรุ่นวัยมันส์จะชื่นชอบกับบรรจุภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ของเรา ตลอดจนอร่อยและเพลิดเพลินไปกับไอศกรีมเนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” ในรูปแบบโคนทั้ง 5 รสชาติ ได้แก่ ช็อกโกแลต, วานิลลา, สตอรเบอร์รี่, คุ้กกี้แอนด์ครีม และรสชาติน้องใหม่ “กาแฟเย็น” ที่ได้พัฒนาเพื่อผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะ ส่วนด้านยอดขายนั้น เนสท์เล่ไอศกรีมคาดว่า การรีลอนช์แบรนด์เนสท์เล่ “เอ็กซ์ตรีม” ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับเนสท์เล่ไอศกรีมประมาณ 50%” นางสาวมณฑา กล่าวสรุป


________________________________________________________________________

เนสท์เล่ ส่งแคมเปญ “ลุ้นเป็นคู่ ไปดูตะวันที่เกาหลี กับ

เนสกาแฟ เรดคัพ และเนสท์เล่ คอฟฟี่เมต”    

กองบรรณาธิการ ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน (ประเทศไทย), บจก. 9 กุมภาพันธ์ 2553 


เนสท์เล่ ส่งแคมเปญ “ลุ้นเป็นคู่ ไปดูตะวันที่เกาหลี กับเนสกาแฟ เรดคัพ และเนสท์เล่ คอฟฟี่เมต” ขอบคุณลูกค้าครั้งพิเศษ ชวนบินลัดฟ้าไกลถึงเกาหลี 20 คู่ผู้โชคดี ที่จะตามรอยละคร “ใต้ฟ้า...ตะวันเดียว” พร้อมทีมนักแสดงนำ และลุ้นรางวัลจี้แก้วพร้อมหัวใจและสร้อยคอทองคำ มูลค่ารวมกว่าสองล้านบาท 

กรุงเทพฯ 8 กุมภาพันธ์ 2553 – บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้นำด้านโภชนาการสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี นำโดยผลิตภัณฑ์เนสกาแฟเรดคัพ และเนสท์เล่ คอฟฟี่เมต เปิดตัวแคมเปญ “ลุ้นเป็นคู่ไปดูตะวันที่เกาหลี กับเนสกาแฟ เรดคัพ และ เนสท์เล่ คอฟฟี่เมต” คืนกำไรให้ลูกค้าทั่วประเทศ เชิญร่วมสนุกเพื่อชิงรางวัลแพ็คเกจทัวร์ไปเที่ยวเกาหลีตามรอยละครเรื่อง “ใต้ฟ้า...ตะวันเดียว” พร้อม มาริโอ้ เมาเร่อ และ ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร คู่พระนางและนักแสดงนำในเรื่อง จำนวน 20 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง และรางวัลอื่นๆ อาทิเช่น สร้อยคอทองคำพร้อมจี้ มูลค่ารวมกว่าสองล้านบาท เพียงส่งซองเปล่าผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เรดคัพ และ เนสท์เล่ คอฟฟี่เมต ชนิดใดก็ได้ สองชิ้นคู่กัน มาที่ ตู้ป.ณ. 22 ปณจ. ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 10160 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2553 

มร ทิโมที อิงค์สเตอร์ National Sales Manager – National Accounts บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “แคมเปญพิเศษ ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อขอบคุณและคืนกำไรให้กับลูกค้า ที่ได้มอบความไว้วางใจผลิตภัณฑ์ของเราด้วยดีตลอดมา แคมเปญนี้เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคผ่านความเป็น “คู่กัน” ของผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เรดคัพ และเนสท์เล่ คอฟฟี่เมตอย่างชัดเจน โดยเราได้มีการสื่อสารรายละเอียดต่างๆ ของโปรโมชั่นแบบ 360 องศา ทั้งในส่วนของ above the line และ below the line เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มผู้บริโภคอย่างทั่วถึง ความโดดเด่นของแคมเปญนี้คือลูกค้าจะมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลแพ็คเกจทัวร์ไปเที่ยวเกาหลีกับดารานำจากละครที่ตนชื่นชอบ ซึ่งนี่ถือเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ใหม่ๆ กับลูกค้าเนสกาแฟ เรดคัพ และเนสท์เล่ คอฟฟี่เมต ไปด้วยเช่นกัน” 

คุณกัลยา แสงพงษ์ภา Senior Commercial Manager เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “ด้วยปณิธานเราใส่ใจคุณ ของเทสโก้ โลตัส เรามองหาสิ่งดีๆตอบแทนคืนกลับให้ลูกค้ามาโดยตลอด และการที่เราได้ร่วมมือกับเนสท์เล่ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดีของเราเสมอมานำเสนอแคมเปญพิเศษครั้งนี้ นับเป็นการขอบคุณลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย โดยสำหรับลูกค้าที่มาซื้อ ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เรดคัพ และเนสท์เล่คอฟฟีเมตที่เทสโก้ โลตัส ได้สิทธิ์ลุ้นที่นั่งไปทัวร์เกาหลีพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 8 รางวัล” 

สำหรับผู้ที่อยากร่วมสนุกกับแคมเปญ “ลุ้นเป็นคู่ ไปดูตะวันที่เกาหลี กับเนสกาแฟ เรดคัพ และเนสท์เล่ คอฟฟี่เมต” เพื่อชิงรางวัลแพ็คเกจทัวร์ไปเกาหลีจำนวน 20 รางวัล รางวัลละ 2 คู่ และลุ้นสร้อยคอทองคำพร้อมจี้แก้วพร้อมหัวใจ มูลค่า 20,000 บาท จำนวน 20 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท สามารถร่วมสนุกกับกติกาง่ายๆ เพียงส่งซองเปล่าผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เรดคัพ และเนสท์เล่ คอฟฟี่เมต คู่กัน 2 ชิ้น ชนิดใดก็ได้ มาที่ ตู้ป.ณ. 22 ปณจ. ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 10160 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2553 และจะทำการประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 7 เมษายน 2553 ทางเว็บไซต์เนสท์เล่ ประเทศไทย www.nestle.co.th หรือที่ศูนย์ผู้บริโภคเนสท์เล่ เบอร์โทรศัพท์ 02-657-8657 กด 0 


________________________________________________________________________

‘เนสท์เล่’ เปิดตัวแคมเปญ “แด่...ผู้อยู่เบื้องหลังความสุข” 

ต้อนรับเว็บไซต์ Good Food Good Life โฉมใหม่ 

สนับสนุนให้คนไทยใส่ใจสุขภาพบุคคลอันเป็นที่รัก

    ร่วมส่งเรื่องราวความประทับใจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสุขของคุณมาได้ที่ www.GoodFoodGoodLife.in.th 
    15 ต.ค. ถึง 31 ต.ค. 55 เท่านั้น!
    3 เรื่องราวที่ได้รับการคัดเลือก ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสึขของคุณ จะได้เข้าร่วมโครงการ "ปฏิบัติการพิชิตสุขภาพ" กับนักโภชนาการของเนสท์เล่ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจาก 3 สาขา ได้แก่
    ด้านโภชนาการ  ด้านการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และด้านการออกกำลังกาย คอยให้คำแนะนำ และออกแบบแผนการดูแลสุขภาพของแต่ละท่าน พร้อมเผยเคล็ดลับที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

นางกนกทิพย์ ปริญญานุสสรณ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนสท์เล่เชื่อว่าโดยพื้นฐานของคนไทย มักเป็นคนที่คอยเอาใจใส่ดูแลคนรอบข้างอยู่เสมอ จนบ่อยครั้งก็ลืมดูแลสุขภาพของตัวเอง  เนสท์เล่จึงจัดกิจกรรม “แด่...ผู้อยู่เบื้องหลังความสุข” ภายใต้การเปิดตัวเว็บไซต์ Good Food Good Life โฉมใหม่ เพื่อจุดประกายและเปิดโอกาสให้คนไทยได้ระลึกถึง ได้แสดงความขอบคุณและความปรารถนาดีต่อบุคคลที่คอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยเราและทุกคนในครอบครัว พร้อมมอบความสุขที่มาพร้อมกับสุขภาพดีให้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสุขท่านนั้น เพราะเนสท์เล่เชื่อว่าถ้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสุขท่านนั้นได้รับรู้ถึงความรัก ความเป็นห่วงเป็นใยจากคนรอบข้าง เขาจะมีความปลาบปลื้มใจ และน่าจะมีกำลังใจที่จะเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองอย่างจริงจังได้”

“เนสท์เล่จะคัดเลือกเรื่องราวที่น่าประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ และทำการสัมภาษณ์คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้าร่วมโครงการ 3 ราย เพื่อเข้าร่วมภารกิจ ‘ปฏิบัติการพิชิตสุขภาพดี’ เวิร์คช็อปเพื่อสุขภาพ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจาก 3 สาขา ได้แก่ ด้านโภชนาการ ด้านการปรับเปลี่ยนทัศนคติ และด้านการออกกำลังกาย มาให้คำแนะนำ และออกแบบแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะให้แต่ละท่าน ใน 3 ด้านดังกล่าว เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หลังจากนั้นเนสท์เล่จะเผยแพร่เรื่องราวการปฏิบัติภารกิจของทั้ง 3 ท่าน ผ่านทางเว็บไซต์ Good Food Good Life เพื่อให้สมาชิกโหวตเรื่องราวที่น่าประทับใจที่สุด และผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวจะได้ทำบุญร่วมกับเนสท์เล่ ด้วยการส่งความสุขสู่สุขภาพดีผ่านผลิตภัณฑ์เนสท์เล่มูลค่ารวมกว่า 120,000 บาท เพื่อมอบให้กับมูลนิธิ*ที่ตนเองเลือก” นางกนกทิพย์ กล่าวเสริม

   

        วิธีการร่วมเล่นกิจกรรม

             ผู้เข้าร่วมกิจกรรม (คือผู้ที่ส่งเรื่องราวเข้ามา) ต้องเป็นสมาชิก Good Food Good Life Club (สามารถสมัครสมาชิกฟรีได้ที่ www.GoodFoodGoodLife.in.th)
    ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องตอบคำถามจำนวน 4 ข้อ พร้อมแนบภาพระหว่างคุณและบุคคลที่คุณห่วงใยประกอบเรื่องราวที่ส่งมา (ไฟล์ JPEG ขนาดไม่เกิน 2 MB) จำนวน 1 ภาพเพื่อบอกเล่าความรัก ความห่วงใยที่คุณมีต่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสุขของทุกคนในครอบครัว (สามารถเป็นใครในครอบครัวก็ได้) ตามหัวข้อดังนี้ :
    คำถามที่ 1: เหตุผลดีๆ ที่คุณคิดว่า เขา/เธอ คือผู้อยู่เบื้องหลังความสุขของทุกคนในบ้าน
    คำถามที่ 2: สิ่งที่คุณห่วงใยเกี่ยวกับสุขภาพของ เขา/เธอ มากที่สุด
    คำถามที่ 3: คุณอยากดูแลสุขภาพของ เขา/เธอ อย่างไร
    คำถามที่ 4: สิ่งที่คุณอยากบอกกับ เขา/เธอ มากที่สุด
              เรื่องราวที่ส่งเข้าประกวดต้องตอบครบทั้ง 4 คำถาม ต้องเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนรู้จักเท่านั้น โดยที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน  สามารถส่งเรื่องราวได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
    บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จะทำการคัดเลือกเรื่องราวที่สามารถถ่ายทอดความห่วงใยถึงคนที่อยู่เบื้องหลังความสุขได้อย่างอบอุ่นและน่าประทับใจที่สุดจำนวน 3  เรื่อง โดยคำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด


    ของรางวัล

             จาก 3 เรื่องราวที่ได้รับการคัดเลือก ผู้ที่อยู่เบี้องหลังความสุขทั้ง 3 ท่านจะได้เข้าร่วม “ปฏิบัติการพิชิตสุขภาพดี” เวิร์คช็อปเพื่อสุขภาพโดยจะมีผู้เชี่ยวชาญจาก 3 สาขา ได้แก่ ด้านโภชนาการ ด้าน การปรับเปลี่ยนทัศนคติ และด้านการออก-กำลังกาย มาให้ความรู้และคำแนะนำเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
             เรื่องราวจากการปฏิบัติภารกิจพิชิตสุขภาพดี ของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 3 ท่าน จะถูกนำไปเผยแพร่ผ่านทางwww.GoodFoodGoodLife.in.thเพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิก Good Food Good Life Club โหวต เพื่อเลือกเรื่องราวของผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสุขที่น่าประทับใจที่สุด
             เรื่องราวท่านใดได้รับคะแนนโหวตสูงสุด จะได้ร่วมทำบุญกับ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด โดยร่วมกันส่งความสุขที่มาพร้อมกับสุขภาพดีผ่านผลิตภัณฑ์เนสท์เล่รวมมูลค่ากว่า 120,000 บาท เพื่อนำไปมอบให้ 1 ใน 3 มูลนิธิดังนี้ :
    - สถานสงเคราะห์เด็กหญิง บ้านราชวิถี
    - บ้านพักคนชราบางแค
    - มูลนิธีบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ